ปลากดแก้ว: ปลาสวยงามที่มีลวดลายเก๋ไก๋และท่าว่ายน้ำคล่องแคล่ว!

ปลากดแก้ว (Etroplus maculatus) เป็นหนึ่งในสมาชิกของตระกูล Osteichthyes ที่ได้รับความนิยมอย่างมากในวงการอนุบาลปลาสวยงาม มีชื่อเรียกอื่นๆ เช่น ปลาซิเดอร์ หรือปลาหางพัด โดยชื่อ “ปลากดแก้ว” นั้นได้มาจากลักษณะของตัวมันที่ส่องประกายแวววาวราวกับแก้ว

ลักษณะทางกายภาพ

ปลากดแก้วเป็นปลาที่มีรูปร่างค่อนข้างแบนยาว ตัวผู้จะมีขนาดใหญ่กว่าตัวเมีย และมีสีสันที่โดดเด่นกว่า โดยมีลำตัวสีน้ำเงินเข้มถึงเทาอมดำ และมีจุดสีเหลืองทองกระจายอยู่ตามครีบ ส่วนตัวเมียวจะมีสีน้ำตาลอ่อนถึงเทาอมเขียว

• ความยาว: ปลาตัวผู้สามารถยาวได้สูงสุด 15 เซนติเมตร ส่วนตัวเมียจะยาวประมาณ 8-10 เซนติเมตร
• รูปร่าง: มีรูปร่างแบนยาว ลำตัวค่อนข้างอ้วนกลม ครีบหลังและครีบท้องยาว

ถิ่นอาศัย

ปลากดแก้วเป็นปลาที่อาศัยอยู่ในน้ำจืด พบได้ตามแหล่งน้ำที่ไหลช้า หรือ stagnant water เช่น ทะเลสาบ แม่น้ำ ลำธาร และบึงในเขตร้อนของทวีปเอเชีย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศอินเดีย श्रीลังกาและปากีสถาน

การกิน

ปลากดแก้วเป็นปลาที่กินพืชเป็นอาหารหลัก (herbivore) ชอบกินสาหร่าย แอนโดฟิล และพืชน้ำชนิดต่างๆ ที่พบได้ตามแหล่งน้ำธรรมชาติ

ตาราง: อาหารของปลากดแก้ว

การสืบพันธุ์

ปลากดแก้วเป็นปลาที่ผสมพันธุ์แบบการวางไข่ (oviparous) ตัวเมียจะวางไข่บนพื้นแข็งๆ หรือหินใต้น้ำ ตัวผู้จะคอยดูแลและปกป้องไข่จนกว่าจะฟักออกเป็นตัวอ่อน

• จำนวนไข่: ตัวเมียวางไข่ได้ครั้งละประมาณ 100-200 ฟอง
• ระยะเวลาฟักตัว: ประมาณ 3-4 วัน

การดูแล

เนื่องจากปลากดแก้วเป็นปลาที่ค่อนข้างอ่อนโยน จึงเหมาะที่จะเลี้ยงในตู้ аквариумขนาด 150 ลิตรขึ้นไป ควรจัดเตรียมสภาพแวดล้อมให้คล้ายคลึงกับถิ่นอาศัยตามธรรมชาติ เช่น

• น้ำ: ควรมีค่า pH อยู่ระหว่าง 6.5-7.5 และอุณหภูมิประมาณ 24-28 องศาเซลเซียส
• พืชน้ำ: ปลูกพืชน้ำชนิดต่างๆ เช่น โอรา หรือแอนโดฟิล เพื่อให้ปลากดแก้วได้กินและซ่อนตัว

ข้อควรระวัง

ปลากดแก้วเป็นปลาที่ค่อนข้าง territorial (ชอบครอบครองพื้นที่) ดังนั้น ควรเลี้ยงด้วยกันในจำนวนไม่เกิน 4-5 ตัว และหลีกเลี่ยงการเลี้ยงกับปลาที่มีขนาดใหญ่กว่า เพราะอาจถูกปลากดแก้วทำร้ายได้

สรุป

ปลากดแก้วเป็นปลาสวยงามที่มีลวดลายเก๋ไก๋ และท่าว่ายน้ำคล่องแคล่ว เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเลี้ยงปลาที่ดูแลง่ายและมีสีสันสดใส